การตัดสินใจในวันอังคารทำให้ภาระตกอยู่ที่รัฐสภา ซึ่งแบ่งแยกอย่างชัดเจนตามพรรคการเมืองจนถึงจุดที่แทบจะไม่มีทางออกในการผ่านกฎหมายสิทธิในการลงคะแนนเสียงฉบับใหม่ เช่นเดียวกับที่โอบามาเรียกร้อง

‘ฉันมีความฝัน’ กลับมาอีกครั้ง

นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองต่างเฝ้ารอวันครบรอบ 50 ปีการเดินขบวนอันโด่งดังของคิงไปยังกรุงวอชิงตันในเดือนสิงหาคม และหวังว่าคำตัดสินเมื่อวันอังคารจะช่วยฟื้นคืนจิตวิญญาณของเหตุการณ์ดังกล่าวและกระตุ้นให้รัฐสภาดำเนินการ ต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากที่ด้านหน้าอนุสรณ์สถานลินคอล์น คิงได้กล่าวสุนทรพจน์ "ฉันมีความฝัน" ซึ่งเป็นคำกล่าวที่กำหนดนิยามของยุคสมัย

เวด เฮนเดอร์สัน ประธานการประชุมผู้นำด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิมนุษยชน คาดการณ์ว่าจะมีการ "ระดมพลครั้งใหญ่" ในวันครบรอบนี้

โรเบิร์ตส์กล่าวว่าสูตรที่รัฐสภาใช้ในการกำหนดว่ารัฐและท้องถิ่นใดบ้างที่ควรได้รับการครอบคลุมโดยบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติการเปลี่ยนแปลงการลงคะแนนเสียงเมื่อรัฐสภาอนุมัติกฎหมายใหม่อีกครั้งล่าสุด ควรได้รับการปรับปรุงแล้ว

“รัฐสภาไม่ได้ใช้บันทึกที่รวบรวมไว้เพื่อสร้างสูตรการรายงานที่ครอบคลุมตามเงื่อนไขปัจจุบัน แต่กลับใช้สูตรที่อิงตามข้อเท็จจริงเมื่อ 40 ปีก่อนซึ่งไม่มีความสัมพันธ์เชิงตรรกะกับปัจจุบัน” เขากล่าว

ดังนั้นสูตรความคุ้มครองจึงละเมิดอำนาจอธิปไตยของรัฐที่ได้รับผลกระทบภายใต้รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ โรเบิร์ตส์กล่าว

รัฐสภาสามารถผ่านร่างกฎหมายฉบับใหม่ได้ แต่จะต้องสะท้อนถึง "เงื่อนไขในปัจจุบัน" เขากล่าวเสริม

ประเด็นเรื่องสิทธิในการลงคะแนนเสียงยังคงเป็นประเด็นสำคัญในสหรัฐอเมริกา ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2012 ผู้พิพากษาทั่วประเทศได้พิจารณาคดีท้าทายกฎหมายระบุตัวตนผู้มีสิทธิเลือกตั้งฉบับใหม่และกำหนดเขตเลือกตั้งใหม่ โดยบางเขตถูกระงับก่อนการเลือกตั้ง

Credit แทงบอลยูโร

คำตัดสินดังกล่าวพลิกโฉมการคุ้มครองทางกฎหมายสำหรับผู้มีสิทธิออกเสียงซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ซึ่งเป็นความสำเร็จสำคัญของขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมืองของสหรัฐอเมริกาในช่วงทศวรรษ 1960 ที่นำโดยมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ พระราชบัญญัติสิทธิการออกเสียงโดยรวมได้รับการตราขึ้นเพื่อห้ามการเก็บภาษีการลงคะแนน การทดสอบความรู้ และมาตรการอื่นๆ ที่พบได้ทั่วไปในรัฐที่มีประวัติการค้าทาสซึ่งป้องกันไม่ให้คนผิวดำลงคะแนนเสียงได้

อย่างไรก็ตาม ในการเขียนแทนเสียงส่วนใหญ่ของศาล จอห์น โรเบิร์ตส์ ประธานศาลฎีกาฝ่ายอนุรักษ์นิยม กล่าวว่าอเมริกาไม่ใช่ประเทศเหมือนเมื่อครึ่งศตวรรษก่อน เมื่อมีการผ่านพระราชบัญญัติสิทธิการออกเสียงเพื่อยุติความพยายามที่ยาวนานกว่าศตวรรษของรัฐที่เคยเป็นเจ้าของทาสในการขัดขวางไม่ให้คนผิวสีลงคะแนนเสียง

“ประเทศของเรามีการเปลี่ยนแปลง และถึงแม้การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในการลงคะแนนเสียงจะมากเกินไป แต่รัฐสภาจะต้องแน่ใจว่ากฎหมายที่ผ่านเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะต้องสะท้อนถึงสภาพการณ์ในปัจจุบัน” โรเบิร์ตส์เขียน

Credit แทงบอลยูโร

ในการตัดสิน 5 ต่อ 4 โดยมีกลุ่มอนุรักษ์นิยมเสียงข้างมากในศาล ผู้พิพากษาตัดสินว่ารัฐสภาได้ใช้ข้อเท็จจริงที่ล้าสมัยในการบังคับให้ 9 รัฐ ส่วนใหญ่ทางภาคใต้ ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลกลางในการเปลี่ยนแปลงกฎการลงคะแนนเสียงที่ส่งผลกระทบต่อคนผิวดำและชนกลุ่มน้อยอื่นๆ

ศาลตัดสินให้เจ้าหน้าที่จากเทศมณฑลเชลบี รัฐอลาบามา ได้รับชัยชนะในการตัดสิน โดยประกาศว่ากฎหมายส่วนหนึ่งซึ่งได้รับการปรับปรุงครั้งล่าสุดโดยรัฐสภาในปี 2549 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยกฎหมายส่วนนี้กำหนดสูตรที่ใช้ในการตัดสินว่ารัฐและเขตพื้นที่ใดที่มีประวัติการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลกลางในการเปลี่ยนแปลงกฎหมายการลงคะแนนเสียง

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แสดงความผิดหวังกับคำตัดสินดังกล่าวและขอให้รัฐสภาผ่านกฎหมาย "เพื่อให้แน่ใจว่าชาวอเมริกันทุกคนจะมีสิทธิเข้าถึงการเลือกตั้งเท่าเทียมกัน"

“การตัดสินใจในวันนี้ซึ่งทำให้บทบัญญัติหลักข้อหนึ่งของกฎหมายเป็นโมฆะ ทำลายแนวปฏิบัติที่ใช้กันมายาวนานหลายสิบปีที่ช่วยให้แน่ใจว่าการเลือกตั้งจะยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่เคยเกิดการเลือกปฏิบัติในการเลือกตั้งอย่างแพร่หลาย” โอบามา ซึ่งเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรก กล่าวในแถลงการณ์

Credit แทงบอลยูโร

วอชิงตัน (รอยเตอร์) - เมื่อวันอังคาร ศาลฎีกาสหรัฐได้มีคำตัดสินยุบส่วนสำคัญของพระราชบัญญัติสิทธิในการลงคะแนนเสียง พ.ศ. 2508 ซึ่งถือเป็นกฎหมายสำคัญ และท้าทายให้รัฐสภานำเสนอแผนใหม่เพื่อปกป้องคนผิวสีและชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ในสถานที่ที่ยังคงมีการเลือกปฏิบัติ แทนที่จะมุ่งเป้าไปที่รัฐทางใต้ที่เคยมีทาส

Credit แทงบอลยูโร

ชาวอเมริกันผิวดำจำนวนมาก ซึ่งผ่านยุคของการเป็นทาสมาหลายชั่วอายุคน ยังคงต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากความรุนแรงและกฎหมาย "จิม โครว์" ที่ห้ามไม่ให้พวกเขาลงคะแนนเสียงและห้ามอาศัยอยู่ในบ้านร่วมกับพลเมืองด้วยกัน

นักเคลื่อนไหวในช่วงทศวรรษปี 1950 และ 1960 ตอบสนองด้วยการชุมนุมที่ไม่ใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเดินขบวนไปกรุงวอชิงตันที่นำโดยบาทหลวงมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เหตุการณ์ดังกล่าวดึงความสนใจของสาธารณชนต่อสถานการณ์อันเลวร้ายของพลเมืองผิวดำ และปูทางไปสู่กฎหมายสำคัญๆ มากมาย รวมถึงพระราชบัญญัติสิทธิพลเมือง ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 1964 โดยประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสันในขณะนั้น

ค็อกซ์ซึ่งปัจจุบันอายุ 83 ปี กล่าวว่าการต่อสู้ครั้งนี้มีความเร่งด่วนเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่เขายังเป็นนักเคลื่อนไหวรุ่นเยาว์ "เรามีการต่อสู้ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 80 ปีแล้ว" ค็อกซ์กล่าว

Credit แทงบอลยูโร